สำหรับหลักฐานที่ระบุเรื่องราวในสมัยสุโขทัยนั้นจะปรากฎใน "หลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง" นับเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ทำให้เราทราบสภาพสังคม วิถีชีวิตรวมทั้งกฎเกณฑ์ต่างๆ
โดยกฎหมายไทยในสมัยสุโขทัยเท่าที่ปรากฏในหลักศิลาจารึก มีดังนี้
1. กฎหมายว่าด้วยเสรีภาพในการค้าขาย
อาณาจักรสุโขทัยให้เสรีภาพในการค้าอย่างเต็มที่ ไม่มีการผูกขาดสินค้าแต่อย่างใด
ดังปรากฏข้อความในหลักศิลาจารึกว่า “...เพื่อนจูงวัวไปค้า
ขี่ม้าไปขาย ใครจักใคร่ค้าช้างค้า ใครจักใคร่ค้าม้าค้า ใครจักใคร่ค้าเงือนค้าทองค้า...”
2. การเก็บภาษีผ่านด่านภายในประเทศ
อาณาจักรสุโขทัยไม่เก็บภาษีระหว่างทาง หรือภาษีผ่านด่าน
ซึ่งก่อนหน้านี้อาจจะมีการเก็บภาษีประเภทนี้
เพราะถ้าไม่มีการเรียกเก็บเหตุใดจึงต้องมีข้อบัญญัติให้ยกเลิกหรืองดเว้น
ดังปรากฏข้อความในหลักศิลาจารึกว่า “...เจ้าเมืองบ่อเอาจกอบในไพร่ลู่ทาง...”
3. กฎหมายมรดก
ในสมัยโบราณเมื่อครั้งมนุษย์รวมกันเป็นหมู่เหล่าได้มีข้อบัญญัติว่า
ผู้ใดก็ตามที่หาทรัพย์สินมาได้ให้ไว้เป็นส่วนรวม ไม่อาจตกทอดถึงลูกหลานได้
ข้อบัญญัตินี้มีข้อเสียทำให้มนุษย์ขาดความกระตือรือร้นในการทำมาหากิน
จะหาทรัพย์ให้พอกินไปวันหนึ่งๆ เท่านั้น เป็นเหตุให้เศรษฐกิจไม่รุ่งเรือง
ไม่มั่นคง จึงได้ยกเลิกข้อบัญญัติดังกล่าว
และทำให้เกิดธรรมเนียมประเพณีให้ลูกหลานสามารถรับมรดกของผู้ตายสืบต่อๆ กันมา
ส่วนรายได้ของอาณาจักรใช้วิธีเก็บภาษีแทน
4. กฎหมายว่าด้วยลักษณะตุลาการ
ตุลาการในอาณาจักรสุโขทัยต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
4.1 ต้องตัดสินด้วยความยุติธรรม
โดยไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
4.2
ต้องไม่ยินดีอยากได้ของของผู้อื่น
5. กฎหมายระหว่างประเทศ
ข้อความในหลักศิลาจารึกเกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศปรากฏ ดังนี้
5.1 ถ้าเมืองใดมาอ่อนน้อมยอมเป็นเมืองขึ้น ก็จะให้ความเอื้อเฟื้อช่วยเหลือดังปรากฏในข้อความหลัก ศิลาจารึกว่า
“...คนใดขี่ช้างมาหา พาเมืองมาสู่ ช่วยเหลือเฟื้อกู้...”
5.2 ผู้ที่มาอ่อนน้อมไม่มีช้าง
ม้า ผู้คนชายหญิง เงินทองก็ให้ช่วยเหลือไปตั้งบ้านเมือง
ดังปรากฏในข้อความหลักศิลาจารึกว่า “...มันบ่มีช้างบ่มีม้า
บ่มีปั่วบ่มีนาง บ่มีเงือนบ่มีทองให้แก่มัน ช่วยมันตวงเป็นบ้านเป็นเมือง...”
5.3 อาณาจักรสุโขทัยสมัยพ่อขุนรามคำแหง
เมื่อมีชัยชนะแก่ข้าศึกหรือจับเชลยได้พระองค์ทรงพระกรุณาไม่ให้ลงโทษหรือไม่ให้ฆ่า
ดังปรากฏในข้อความหลักศิลาจารึกว่า “...ได้ข้าเสือกข้าเสือ
หัวพุ่งหัวรบก็ดี บ่ฆ่าบ่ตี...”
6. กฎหมายว่าด้วยสิทธิในที่ดิน เป็นกฎหมายที่ให้การคุ้มครองและรับรองสิทธิในทรัพย์สินมิให้ผู้ใดมาแย่งชิง
สำหรับวิธีถวายฎีกานั้นเนื่องจากสมัยสุโขทัยปกครองในระบอบ "พ่อปกครองลูก" หรือ "ปิตา่ธิปไตย" ดังนั้นประชาชนที่เดือดร้อนสามารถร้องทุกข์ต่อ"พ่อ"หรือ "กษัตริย์" โดยสั่นกระดิ่งที่ประตูวัง หลังจากนั้นกษัตริย์จะทรงตัดสินคดีโดยพระองค์เอง
แสวง บุญเฉลิมวิภาส, ประวัติศาสตร์กฎหมายไทย, พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ : วิญญูชน, 2554